ชีวิต Data Scientist ในประเทศอังกฤษ - EP.1 หางาน

ชีวิต Data Scientist ในประเทศอังกฤษ - EP.1 หางาน
Photo by Jurica Koletić on Unsplash

หลังจากเรียนจบปริญญาโทจากเคมบริดจ์ ประจวบกับการได้ job offer งาน Senior Data Scientist จากบริษัทแห่งหนึ่งในประเทศอังกฤษ จึงได้ตัดสินใจย้ายเข้ามาอยู่ที่ลอนดอน เมืองหลวงที่ทั้งพิเศษและวุ่นวายแห่งนี้

ประสบการณ์การหางาน

บรรดาคำถามที่นักเรียนที่มาเรียนที่นี่แล้วอยากหางานกันมักจะถามผมมากที่สุดคงจะเป็น หางานยังไง หางานยากมั้ย คำตอบคือ ยาก และยากกว่าหางานที่ไทยมาก ๆ แต่ถ้าอยากทำจริง ๆ ก็ทำได้เพียงสมัครเท่านั้น

คู่แข่งเยอะและเก่ง

ต้องเกริ่นก่อนว่าตลาดงานที่ประเทศอังกฤษเปิดกว้างมาก ๆ ให้กับคนจากหลากหลายเชื้อชาติ ทั้งเอเชียอย่างเรา ๆ ยุโรป อินเดีย อเมริกัน มีหมด ข้อดีคือเราก็มีโอกาสได้งานเช่นกัน ไม่ถูกกีดกันแน่นอน แต่ข้อเสียคือการแข่งขันที่สูงมาก ๆ จากทุกทิศทาง และผู้คนที่เรากำลังแข่งด้วยก็จบมาจากมหาลัยดี ๆ ดัง ๆ ทั้งจากในประเทศและจากต่างประเทศด้วยเช่นกัน

โอกาสโดนเรียกสัมภาษณ์ต่ำมาก ๆ

บริษัทส่วนมากที่นี่จะใช้ระบบที่เรียกว่า Application Tracking System หรือ ATS เพื่อช่วยในการทำ recruitment ซึ่งรวมถึงการทำ resume screening ด้วย เพราะผู้สมัครที่มีเยอะ เยอะมากเกินไปกว่าจะให้มนุษย์มานั่งอ่านและตัดสินใจได้ ดังนั้นระบบ ATS นี่แหละที่เป็นตัวคัดกรอง resume ในเบื้องต้น ในหลาย ๆ ครั้งสมัครไป วันต่อมาก็พบ rejection email มานอนรอเราใน inbox เรียบร้อย ต้องเรียกว่าแรก ๆ ก็ผิดหวังนะ กว่าเราจะเจอบริษัทในฝัน ไม่ทันไรปฏิเสธซะแล้ว พอผ่านไปก็เริ่มเฉย ๆ และชินชาในที่สุด เป็นเรื่องปกติมากที่จะเจอ rejection email ที่ประกอบไปด้วยประโยคที่มีคำขึ้นต้นสุดจะคลาสสิคอย่าง "Unfortunately, ..." อยู่ด้วยเสมอ เรียกได้ว่าเปิดอีเมลก็มองหาคำนี้ก่อนเลยทีเดียว

ถูกเรียกสัมภาษณ์สักที

หลังจากสมัครที่แล้วที่เล่าและถูกปฏิเสธจนชินชามาไม่ต่ำกว่า 100 บริษัท ก็ถูกเรียกสัมภาษณ์สักที ซึ่งบริษัทที่เรียกก็เป็นที่ที่ทำอยู่ปัจจุบันนั่นเอง (ซึ่งหลังจากนั้นก็ถูกเรียกอีกพอสมควร ถือว่าที่ปรับ resume ไปน่าจะมาถูกทาง) ต้องบอกว่าตื่นเต้นมาก ๆ สิ่งที่ทำก็คือไปทำการบ้านหนัก ๆ เลย ไปศึกษา Product ของบริษัท ไปส่อง Linkedin คนในทีมว่าทำอะไรกันบ้าง แล้วเราจะต้องเจอกับคำถามประมาณไหน เตรียมตัวยังไงดี ซึ่งบริษัทที่ผมทำก็เป็นบริษัท EdTech ที่ทำ SaaS Product ที่มีฐานผู้ใช้งานกว่า 30 ล้านคนทั่วโลก (ไทยติดอันดับต้น ๆ ด้วยนะ) โดยตำแหน่งที่สัมภาษณ์จะเป็น Senior Data Scientist ที่อยู่ในทีม Product นั่นเอง

วันสัมภาษณ์

สัมภาษณ์ 2 ชั่วโมงเลยหรอ นั่นคือคำถามแรกในหัวตอนที่เห็น invitation ที่ส่งมาในอีเมล และใช่มันยาว 2 ชั่วโมงจริง ๆ ประกอบไปด้วยช่วง background ของเราก่อนก็เล่าไปว่าเคยทำอะไรมาบ้าง จริง ๆ คือไม่ได้ตรงกับประสบการณ์ทำงานเราขนาดนั้น เพราะก่อนมาเรียนก็ทำแต่ Machine Learning ตอนมาเรียนก็เรียน Machine Learning แต่ตำแหน่งนี้จะเน้นไปที่การทำ Product Analytics เป็นหลัก ส่วน Machine Learning ก็เป็นพาร์ทรอง ๆ ไป ซึ่งก็ทำให้แอบหวั่น ๆ ตอนเค้าเล่าให้ฟังว่าเนื้องานก็จะเน้นการทำ Analytics และ Experimentation เพื่อหา insight ของ users ที่ใช้ product

หลังจากนั้นก็จะเป็นช่วงคำถามวัดความรู้ ก็เป็นคำถามที่พบได้ทั่วไปตามการสัมภาษณ์ตำแหน่ง Data Scientist เลย มาหมด ทั้ง Statistics, Machine Learning, A/B Testing และอื่น ๆ แล้วก็ปิดท้ายด้วย case study ที่เป็นโจทย์จริงของบริษัทเลยซึ่งจำลองการทำงานของ Data Scientist ที่นี่ออกมา ตั้งแต่โจทย์ business ว่าเราต้องการจะ improve metric อะไรของบริษัท แล้วจะโยง metric นั้นมาหาการใช้งาน feature ต่าง ๆ ใน product ได้ยังไง ต้องทำการ tracking event อะไรเพิ่มเติมจึงจะได้ข้อมูลที่ต้องการ จากนั้นก็เป็นส่วนของการตั้ง hypothesis เช่น feature xxx น่าจะสร้างความสับสนให้ user หากปรับให้ดีขึ้น เราน่าจะเห็น conversion rate ของขั้นตอนนี้ที่สูงขึ้น แล้วก็ต้องออกแบบการทำ Experiment ว่าจะต้อง trigger user กลุ่มไหน เมื่อไหร่ วัดผลอย่างไร สรุปผลได้ตอนไหน ถ้าผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามที่คาดจะทำอะไรต่อ ได้เรียนรู้อะไรจากผลลัพธ์บ้าง เรียกได้ว่าแทบจะเหมือนการคิดตอนทำงานจริง ๆ เลยทีเดียว

ผลสัมภาษณ์

พอสัมภาษณ์ผ่านไปได้ประมาณ 1 สัปดาห์ บริษัทก็ส่งมานัดอีก 1 ครั้งเพื่อแจ้งว่าผ่านแล้วนะ พร้อมกับให้ offer ต่าง ๆ หลังจากต่อรองเงินเดือนจนลงตัวก็นัดวันเริ่มงาน โดยตอนที่ได้ offer ตอนนั้นเดือนมีนาคม ซึ่งคือประมาณครึ่งทางของปริญญาโท ผมก็แจ้งไปว่าจะขอเริ่มงานเดือนกันยายนนะ บริษัทก็โอเค พร้อมกับ offer มาว่าถ้าเราพอมีเวลาว่างช่วงที่ทำ dissertation มาเริ่มทำ part-time ก่อนได้นะ ผมจึงมีโอกาสได้ทำงานกับบริษัทตั้งแต่พฤษภาคมในช่วงที่ยังเรียนไม่จบดี

มุ่งหน้าสู่ลอนดอน

พอถึงเดือนกันยายนเรียนจบตามที่นัดกันไว้กับบริษัทก็ได้เปลี่ยนมาทำ full-time พร้อมกับย้ายเข้ามาอยู่ที่ลอนดอน พบกับเพื่อนใหม่ ๆ สภาพแวดล้อมที่แตกต่างจากเคมบริดจ์อย่างมาก จากความสงบสู่ความวุ่นวายอย่างแท้จริง ตอนนี้ก็อยู่ลอนดอนมาได้ปีกว่า ๆ แล้วไว้ใน EP. ต่อ ๆ ไปจะมาเล่าชีวิตความเป็นอยู่ในลอนดอน และชีวิตการทำงานให้ฟังนะครับ

คำแนะนำสำหรับคนที่มาเรียนแล้วอยากจะหางานต่อ

อย่าเริ่มหางานช้าจนเกินไป

จากประสบการณ์ที่เห็นเพื่อน ๆ หลาย ๆ คนที่ตั้งใจอยากจะหางานต่อ แต่ด้วยความที่ปริญญาโทก็เรียนหนักมาก ๆ ทั้งการบ้าน โปรเจ็ค สอบ งานกลุ่มใด ๆ รุมทึ้งตั้งแต่ต้นจนจบ ไหนจะยังมีกลุ่มเพื่อน ๆ ชวนไปเที่ยวยุโรป ทำให้กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ใกล้จบแล้ว พอเริ่มหางานจริง ๆ แล้วถูกปฏิเสธมากเข้า พร้อมกับถูกกดดันด้วยสัญญาหอที่กำลังจะหมดทำให้ต้องตัดสินใจว่าจะต่อสัญญาหอออกไป บวกกับทำ Graduate Visa เพื่ออยู่หางานต่อ หรือจะกลับประเทศดีทำให้หลาย ๆ คนก็ถอดใจไปในจังหวะนี้

การสัมภาษณ์คือการฝึกฝน

หากเป็นไปได้ให้พยายามเรียงลำดับการสมัครและสัมภาษณ์ไปเริ่มจากบริษัทที่เราอยากได้น้อยไปหามาก โดยที่เราจะได้เริ่มฝึกการตอบคำถามสัมภาษณ์จากที่ที่เราอยากได้น้อยก่อน แล้วไปหวังผลในที่ที่เราอยากได้มากกว่า คำถามที่ Data Scientist จะเจอไม่ว่าจะเป็น online assessment, behavioural หรือ technical interview แต่ละบริษัทก็จะมีความคล้ายคลึงกันพอสมควร การเล่าเกี่ยวกับตัวเรา ประสบการณ์การทำงาน การโยงเข้าหาปริญญาโทที่เรามาเรียน เราอาจจะต้องซ้อมเล่าหลาย ๆ รอบจนเจอวิธีเล่าที่ดีในที่สุดนั่นเอง

อย่ายอมแพ้ ความสำเร็จอาจจะอยู่อีกไม่ไกล

ตามนั้นครับ แทบไม่เห็นเพื่อน ๆ คนไหนที่บอกว่าก็อยากหางานนะ เดี๋ยวลองดู ถ้าได้ก็จะอยู่ต่อ แล้วประสบความสำเร็จกับการหางานกันจริง ๆ เลย ส่วนมากคนที่ได้จะตั้งใจแน่วแน่ว่าจะมาหางานที่นี่ตั้งแต่แรกแล้ว ลุยเต็มที่ไปจนถึงที่สุดมากกว่าที่จะได้อยู่ทำงานต่อกัน หางานที่อังกฤษยากกว่าที่ไทยมาก ๆ มันเต็มไปด้วยความล้มเหลวและผิดหวัง ขอให้อดทนและสู้ ๆ ไปกับมัน เรียนรู้จากความผิดพลาดแล้วปรับปรุงให้ดีขึ้น ขอให้ทุกคนโชคดีกับการหางานครับ